ก้าวเข้าสู่เดือนที่ 4 ของการเดินทางโครงการวิจัย “มวยไทยเมืองลุง : พลังเครือข่ายแบบมีส่วนร่วมและการจัดการทุนวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน” ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุน ววน. และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และการรวมพลังของภาคีเครือข่ายในพื้นที่และภาคีเครือข่ายมวยไทยเมืองลุง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคการศึกษา อาทิ วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง สภาวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดพัทลุง สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ประกอบการค่ายมวย และครูมวยในจังหวัดพัทลุง วันนี้ได้เกิดผลผลิตจากงานวิจัยที่สามารถจับต้องมองเห็น มีการขยับไปสู่สถานศึกษาเครือข่ายอย่างชัดเจน และได้ขยายพื้นที่ไปสู่ระดับนานาชาติ นับเป็นการเคลื่อนขยับที่กระจายไปหลายระดับ และหลายมิติ

    

กิจกรรมดำเนินไปอย่างไหลลื่น สนุกสนานโดยมีนักพากษ์มวยชื่อดัง คุณเชื้อชาย นิลกาญน์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “นก ตานี” มารับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการและชวนคุยในประเด็นต่างๆ ทั้งการเปิดตำนานคนมวยเมืองลุงทั้ง 10 อำเภอ จากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงการแนะนำค่ายมวยในจังหวัดพัทลุง และการเสวนาในหัวข้อ “อัตลักษณ์ และคุณค่าของมวยไทยเมืองลุง” โดยมีผู้ร่วมวงเสวนาคือ นายรัตน์ หมื่นสังข์ เจ้าของค่ายมวยลูกเจ้าแม่สายวารี นายศุภชัย หมื่นสังข์ หรือซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน นักมวยไทยดาวเด่นสายเลือดเมืองลุงที่ไปโด่งดังในระดับนานาชาติ นายปรี อินทรนก ครูมวยระดับประเทศ และนายขรรค์ชัย เหน็บบัว ผู้อำนวยการโรงเรียนกงหราพิชากร และกรรมการมวยช่อง 7 สี

    

        

    

นอกจากนี้ยังได้เพลิดเพลิน ตื่นตากับการแสดง “มวยไทยเมืองลุงอัตลักษณ์ เมืองหนังโนรา ศิลปะไหว้ครูและศิลปะการต่อสู้แม่ไม้ ลูกไม้มวยเมืองลุง” โดยนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยทักษิณ ฝ่ายมัธยม และการแสดง “อัตลักษณ์ของมวยไทยเมืองลุง” จากเด็กหญิงณัฐวดี ชูอุบล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/6 โรงเรียนพัทลุง นอกจากนี้ภายในงานยังมีการทดสอบสมรรถนะร่างกายให้กับนักมวยหรือผู้ที่สนใจ จากคณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา มหาวิทยาลัยทักษิณ

    

     

            ในช่วงท้ายของงาน มีจังหวะเวลาให้ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน ได้ร่วมพูดคุย ถ่ายภาพอย่างเป็นกันเองกับน้องๆ เยาวชนที่สนใจในเส้นทางนักมวย ซึ่งซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน ได้ให้คำแนะนำ กำลังใจไว้อย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า “ทุกวันนี้โอกาสมันมีมากขึ้น ทั้งจากการผลักดันตัวเองและได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ รวมถึงพื้นที่ทางสังคมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ผมเองก็เติบโตมาจากเด็กคนหนึ่งที่เริ่มต้นชกมวยเพียงเพื่อต้องการเงินไปโรงเรียน สิ่งที่ผมถือปฏิบัติมาตลอดคือ วินัย ความตั้งใจ ไม่ล้มเลิก ไม่ยอมแพ้ และหมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ... ถ้าผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้”

     

            เชื่อว่าด้วยพลังของเครือข่ายที่แข็งแรง ด้วยกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม จะทำให้การจัดการทุนวัฒนธรรม “มวยไทยเมืองลุง” เกิดผลสัมฤทธิ์ในการยกระดับเศรษฐกิจชุมชน และมีส่วนในการขับเคลื่อนมิติต่างๆ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ ศิลปะวัฒนธรรม การศึกษา สุขภาพ การกีฬา และการท่องเที่ยว เป็นต้น เพื่อเป้าหมายปลายทางในการพัฒนาอย่างยืน