TSU

มหาวิทยาลัยทักษิณ ร่วมงานวันเฉลิมฉลองครบรอบ 79 ปี ประกาศเอกราชสาธารณรัฐอินโดนีเซีย

   29 ส.ค. 67  /   14
มหาวิทยาลัยทักษิณ ร่วมงานวันเฉลิมฉลองครบรอบ 79 ปี ประกาศเอกราชสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
 

 

วันที่ 29 สิงหาคม 2567 อาจารย์ ดร.ขวัญจิตต์ สุวรรณนพรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ระวีวัฒน์ ไทยเจริญ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทวนธง ครุฑจ้อน คณบดีวิทยาลัยการจัดการเพื่อการพัฒนา อาจารย์เสรี บุญรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิจัย และนวัตกรรม พร้อมด้วยบุคลากร มหาวิทยาลัยทักษิณ เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 79 ปี การประกาศเอกราชของสาธารณรัฐอินโดนีเชีย  ซึ่งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา ได้จัดงาน โดยมีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมผู้นำเหล่าทัพ และหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมแสดงความยินดี ณ ห้อง Laguna King Grand Ballroom, 2nd Floor, Laguna Grand Hotel&Spa Songkhla 

  

 

 สถานกงสุลอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา จัดงานเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 79 ปีการประกาศเอกราชของสาธารณรัฐอินโดนีเซียภายใต้ธีม "นูซันตาราใหม่ อินโดนีเซียก้าวหน้า"  ซึ่งแขกผู้ร่วมงานสามารถชมการจัดแสดงนิทรรศการส่งเสริมวัฒนธรรมประกอบด้วยผ้าบาติก, ผลิตภัณฑ์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น รูปปั้นและหุ่นเชิด, ผลิตภัณฑ์อาหารอินโดนีเซียและการแสดงนาฎศิลป์พื้นเมือง และเครื่องดนตรีอังกะลุง ตลอดจนนิทรรศการส่งเสริมการลงทุนโครงการเมืองนูซันตารา เมืองหลวงใหม่ของอินโดนีเซีย (IKN), การส่งเสริมความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์ของอินโดนีเซีย.

  

ในโอกาสนี้ นายซัวร์กานา ปริงกานู กงสุลใหญ่คนที่ 9 ของสถานกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ และแสดงความปรารถนาดี ของรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ผ่านมายังพี่น้องชาวไทย ในสัมพันธภาพที่เหนียวแน่นยาวนาน ของพันธมิตรทั้ง 2 ประเทศ ดังใจความตอนหนึ่งว่า

 

           “สถานกงสุลอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลาภาคภูมิใจที่ได้ดำเนินงานและปฏิบัติภารกิจในจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 28 ปี ด้วยความร่วมมือบนผลประโยชน์ร่วมกันของรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ของปะเทศไทย เมื่อ 2  ปี ที่แล้ว ในคราวที่กระผมได้เข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ กระผมรู้สึกชื่นชมในอัธยาศัย ไมตรีจิตของประชาชนชาวไทย รวมถึงน้ำใจที่งดงาม ของประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้  กระผมมีความรู้สึกว่า ได้เริ่มปฐมบทของหนังสือเล่มหนึ่งจากนั้นจึงต้องการอ่านหนังสือเล่มนี้ให้มากยิ่งขึ้น เริ่มจากบทที่ 1 สู่บทที่ 2 บทที่ 3  และบทต่อ ๆ ไป  และกระผมก็ยิ่งได้สัมผัสกับบริบทต่าง ๆ ของความเป็นจริง  ตลอดเส้นทางการอ่านหนังสือของกระผม เต็มไปด้วยความกระตือรือล้น ในการเรียนรู้ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านกระทรวงการอุดมศึกษา  กระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม  กระทรวงการท่องเที่ยว และอื่น ๆ อีกมากมาย  ด้วยความเชื่อมั่นว่า เมื่อใดก็ตามที่ได้อ่านหนังสือกระทรววงการต่างประเทศของสาธารณรัฐอินโดนีเซียและภาคใต้ ของประเทศไทยจบลงแล้ว เราทั้ง 2  ยังสามารถร่วมกันสร้างบทบาทที่สำคัญ บนศักราชใหม่ด้วยอนาคตอันสดใสของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ด้วยการเชื่อมความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม บริบทตอนใหม่แห่งมิตรไมตรีระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ด้วยบริบทใหม่ของความสัมพันธ์ ประเทศไทย เป็นประเทศที่รักยิ่งของประชาชนสาธารณรัฐอินโดนีเซียเสมอมา ประวัติศาสตร์ กระชับความสัมพันธ์ของเราทั้ง 2 ประเทศ ให้แน่นแฟ้นยาวนานตลอดไป”

  

และในโอกาสนี้สถานกงสุลอินโดนีเซียได้เชิญชวนหัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมงาน ร่วมร้องเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา รวมทั้งแสดงความขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงาน พร้อมย้ำสัมพันธ์ภาพร่วมกันในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ ของทั้งสองประเทศในอนาคต และปิดท้ายด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน 9 ชุดการแสดง  เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศการแสดงศิลปวัฒนธรรมได้เต็มอรรถรส